Welcome to RTB Referral Animal Hospital (โรงพยาบาลสัตว์รัตนาธิเบศร์) Website

  กลายเป็นนางแบบสาวที่ได้ชื่อว่า “นางฟ้าของสรรพสัตว์” สำหรับ โย ยศวดี ที่มักจะออกโรงไปช่วยเหลือสัตว์ต่างๆ ที่ได้รับความเดือดร้อน ถึงแม้สังคมบางส่วนจะชื่นชม แต่ก็ยังคงมีสังคมอีกบางส่วนมองว่าเป็นการสร้างภาพและเสแสร้งทำเป็นโลกสวย อย่างกรณีล่าสุด สาวโย ถึงขั้นประกาศขอโพสต์ระบายแบบหยาบๆ ถึง “คนตรรกะวิบัติ” ที่มีพฤติกรรมเลี้ยงสัตว์แต่ทารุณกรรมสัตว์อย่างเลือดเย็น ที่กำลังเป็นประเด็นดราม่าอยู่ในเวลานี้ สาเหตุมาจากภาพน่าเวทนา งูอยู่กับกระต่าย 2 ตัว ที่เจ้าของงูตั้งใจจะเสิร์ฟกระต่ายทั้ง 2 ตัวเป็นอาหาร แต่ปรากฏว่างูไม่กินเหยื่อ เจ้าของได้ถ่ายรูปและแชร์ในกลุ่มเฉพาะ แต่ภาพได้หลุดออกมาเผยแพร่เป็นวงกว้าง ร้อนไปถึงกลุ่มคนรักสัตว์ที่รับไม่ได้กับภาพที่เกิดขึ้น โย ยศวดี นอกจากนี้ได้ขึ้นว่าเป็นตัวแทนช่วยเหลือสุนัขและแมว รวมทั้งต่อต้านการทานเนื้อสุนัข จึงได้ออกโรงไปเจรจรพูดคุยและได้ติดต่อขอซื้อกระต่าย 2 ตัวที่น่าเวทนาต่อจากเจ้าของงู เพื่อให้มันรอดพ้นจากความอำมหิตของมนุษย์ จนกระทั่งช่วยเหลือได้สำหรับ สาวโย ระบุว่า กระต่ายทั้ง 2 ตัวปลอดภัยดี แต่หวาดกลัวอย่างนัก ซึ่งกระต่ายทั้ง 2 ตัว ล้วนแล้วแต่พิการ ท่ามกลางกระแสวิพากษวิจารณ์และกลุ่มคนรักงูตามมาถล่มต่อว่า สาวโย ที่เข้าไปช่วยเหลือสัตว์เพื่อนร่วมโลก ถูกกล่าวหาว่า “โลกสวย” เจ้าตัวจึงได้ใช้พื้นที่อินสตาแกรมระบายออกมาทุกอย่างว่า… “ถึงไอ้แก๊งค์รักงูที่คุกคามกันไม่เลิก คำหนึ่งก็ว่าเราโลกสวย

  ด้วยความร่าเริงที่ไม่เหมือนใคร หน้าตาแลดูฉงนปนทะเล้น และอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา ทำให้ปั๊กไม่เพียงแต่เป็นที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทยเท่านั้น หากแต่ยังแพร่หลายมาก

            สำหรับคลิปแมวตัวหนึ่งที่พยายามร้องขอให้เจ้าของเปิดประตูเพื่อที่จะเข้าไปภายในบ้าน ทว่าเจ้าของกลับไม่ยอมเปิดประตูให้เนื่องจากเจ้าแมวแอบไปหนีเที่ยวมา ทำให้มันส่งเสียงร้องราวกับบ่นด้วยความไม่พอใจ แถมยังมีการขู่ในบางจังหวะด้วย              ส่วนจะน่ารักน่าหยิกขนาดไหนชมได้จากด้านล่างนี้ ด้วยท่าทางฉุนเฉียวแถมขี้บ่นของเจ้าแมว ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในคลิปวิดีโอที่มีการส่งต่อจำนวนมาก

  เชื้ออีโบลา 8 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับเชื้อไวรัสอีโบลา ที่กำลังระบาดหนักในแอฟริกาตะวันตก ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลาแล้วนับพัน เสียชีวิตแล้วกว่า 600 ราย ทำความรู้จักกับเชื้อไวรัสอีโบลา ไวรัสมรณะติดแล้วถึงตายไปพร้อม ๆ กัน อีโบลา เป็นเชื้อไวรัสมรณะที่กำลังระบาดหนักในแอฟริกาตะวันตก จนทำให้นายแพทย์ชีคห์ อูมาร์ ข่าน ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้นำในการต่อต้านเชื้ออีโบลา ป่วยจากการติดเชื้อเสียเองและเสียชีวิตลงในที่สุด ซึ่งปัจจุบันนี้การระบาดยังคงเกิดขึ้นเรื่อย ๆ  ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อกว่า 1,300 คน เสียชีวิตแล้วกว่า 600 ราย เชื้อไวรัสอีโบลาจะแพร่จากคนสู่คนได้ง่ายและความรุนแรงของโรคที่ทำให้ผู้ป่วยมีสิทธิ์เสียชีวิตสูงถึง 50%-90% เราจึงจำเป็นที่จะต้องทำความรู้จักเชื้อไวรัสมรณะนี้ให้มากขึ้น และนี่คือ 8 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับเชื้อไวรัสอีโบลา ที่เรานำมาฝากจากเว็บไซต์ฮัฟฟิงตันโพสต์ ค่ะ 1. เชื้ออีโบลา ระบาดครั้งแรกในปี พ.ศ. 2519 เชื้อไวรัสมรณะระบาดขึ้นเป็นครั้งแรกที่ประเทศซูดานและซาร์อี (ปัจจุบันคือ คองโก) ในปี 2519 และถูกตั้งชื่อว่า “อีโบลา” ตามชื่อแม่น้ำในทวีปแอฟริกา นอกจากนี้ก็ยังมีรายงานการระบาดให้ประเทศอื่น ๆ ทั่วแอฟริกา อาทิ คองโก ไอวอรี่โคสต์

  พี่เฉโป แต่งตัว หล่อ เชียว…จะไปไหน เหยอ จะกลับกี่ทุ่มเหยอ…. หรือจะกลับ ตี 1.50 เหยอ… ดึกไหม เหยอ

  เจ็บไหมนี่ เจ้าหมาน้อย ต้องระวังไม่ให้ลูกๆ ของคุณเจอสุนัข แอบแกล้งโดยไม่รู้ตัว น่ารักจัง

  เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2557 เว็บไซต์ไวรัลโนวา เปิดเผยเรื่องราวของเจ้าพิก สุนัขพิการไร้คอ ลำตัวสั้นกุด เหมือนกับเป็นสุนัขที่มีครึ่งตัวยังไงยังงั้น เพราะมันเป็นโรคบาบูน ด็อก ซินโดรม ที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของกระดูกสันหลังนั่นเอง คิม ดิลเลนเบค เจ้าของเจ้าพิก เล่าให้ฟังว่า เจ้าพิกถูกพบในป่าใกล้ที่แอตแลนดา สหรัฐอเมริกา มันถูกแม่ของมันทิ้งไป คาดว่าน่าจะเป็นเพราะมันมีลักษณะที่แปลก นั่นคือตัวสั้นกุดเหมือนกับเป็นสุนัขครึ่งตัว และเมื่อมันถูกส่งตัวไปยังสัตวแพทย์แล้ว สัตวแพทย์ก็แนะนำให้ฉีดยาทำการุณยฆาตให้มันในตอนแรก กระทั่งคิมได้รู้เรื่องนี้เข้า เธอจึงไปติดต่อขอรับเจ้าพิกมาเลี้ยง และให้มันกินนมแม่สุนัขตัวหนึ่ง ทำให้มันรอดชีวิตมาจนถึงวันนี้และเติบโตขึ้นอย่างมีสุขภาพดี อย่างไรก็ดี ความผิดปกติของมันก็ไม่สามารถเยียวยาได้ โดยภาวะที่เจ้าพิกเป็นมาแต่กำเนิดนี้ เรียกว่า Baboon Dog Syndrome เป็นภาวะที่สุนัขกระดูกสันหลังและซี่โครงหายไปส่วนหนึ่ง สะโพกและข้อต่อถูกจัดวางอย่างผิดที่ แต่ขายังมีขนาดและความยาวปกติ จึงทำให้มันมีลักษณะแปลกอย่างที่เห็น

  วันนี้เรามีเรื่องแมว ๆ ที่คุณอาจไม่(เคย)รู้ 13 ข้อมาบอกกล่าวผู้เลี้ยงแมวทั้งหลาย รวมทั้งมือใหม่ที่อยากจะเลี้ยงแมวด้วยค่ะ ว่าแต่จะมีอะไรบ้าง ไปดูพร้อมกันเลย 1. แมวจะไม่ทักทายกันโดยการสัมผัสทางจมูก สาเหตุที่แมวที่ไม่รู้จักกันจะไม่ทักทายกันด้วยการเอาจมูกมาสัมผัสกัน นั่นก็เพราะ จมูก เป็นอวัยวะที่ติดเชื้อง่ายที่สุด เว้นเสียแต่ว่า แมวที่คุ้นกันอยู่แล้วแต่มีเหตุต้องจากกันไปสักช่วงหนึ่ง เมื่อพวกมันกลับมาพบกัน มันก็จะเอาจมูกมาสัมผัสกัน เพื่อจะช่วยให้จำได้ อีกทั้งแมวตัวหนึ่งจะรู้ได้ว่า แมวที่หายไปนั้น ไปที่ไหน ไปทำอะไรมานั่นเอง 2. บางครั้งเสียงครางของแมวบ่งบอกว่ามันกำลังป่วย ส่วนใหญ่แล้ว เรามักได้ยินเสียงครางของแมว ตอนที่มันกำลังรู้สึกสบาย หรือพอใจกับอะไรบางอย่าง อย่างไรก็ตาม บางครั้งเสียงครางที่มากเกินไปก็บ่งบอกได้ว่า พวกมันกำลังบาดเจ็บอยู่นะ ถ้าคุณลองฟังดี ๆ คุณก็สามารถแยกเสียงได้ว่า ตอนไหนมันกำลังสบาย หรือตอนไหนมันกำลังบาดเจ็บอยู่ 3. แมวเริ่มส่งเสียงครางเมื่ออายุได้ 1 สัปดาห์ เจ้าเหมียวน้อยทั้งหลายจะเริ่มส่งเสียงครางได้ เมื่อมันอายุได้ 1 สัปดาห์ และถ้าเราลองฟังเสียงครางของพวกมัน เราจะรู้สึกได้ว่า มันครางสม่ำเสมอและเป็นจังหวะด้วย นั่นก็เพราะพวกมันสามารถส่งเสียงครางได้สองทาง คือ ทั้งขณะหายใจเข้า และหายใจออกนั่นเอง 4. เสียงครางของแมวบอกช่วงอายุได้