
เมื่อรับเจ้าตัวน้อยเข้ามาเป็นสมาชิกในครอบครัว สิ่งสำคัญคือ การพาลูกแมวไปเริ่มโปรแกรมวัคซีนที่โรงพยาบาลสัตว์ เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันในการป้องกันโรค และมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง วัคซีนในแมว แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
1. วัคซีนหลัก
วัคซีนป้องกันโรคไข้หัด-หวัดแมว (Feline Rhinotracheitis-Calici-Panleukopenia) วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) และวัคซีนป้องกันโรคไวรัสมะเร็งเม็ดเลือดขาว (Feline leukemia virus; FeLV)
* โดยก่อนเริ่มทำวัคซีนป้องกันโรคไวรัสมะเร็งเม็ดเลือดขาว จำเป็นต้องตรวจเลือดด้วยชุดตรวจโรคไวรัสมะเร็งเม็ดเลือดขาว และโรคไวรัสเอดส์แมวก่อน หากตรวจไม่พบการติดเชื้อไวรัสดังกล่าวจึงเริ่มทำวัคซีนเข็มแรก
2. วัคซีนกลุ่มเสี่ยง
วัคซีนป้องกันโรคไวรัสเอดส์แมว (Feline immunodeficiency virus; FIV) ให้เฉพาะในแมวกลุ่มเสี่ยง และต้องไม่พบการสัมผัสเชื้อ (ตรวจเลือดด้วยชุดตรวจแล้วให้ผลลบ) เริ่มทำวัคซีนเข็มแรกที่อายุ 8 สัปดาห์
วัคซีนป้องกันโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ (Feline infectious peritonitis; FIP) ให้เฉพาะในแมวกลุ่มเสี่ยง เริ่มวัคซีนเข็มแรกที่อายุ 16 สัปดาห์
ปกติแล้ว ลูกแมวที่ได้รับนมน้ำเหลืองจากแม่ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด จะได้รับภูมิคุ้มกันที่ถ่ายทอดมายังลูกผ่านทางน้ำนม ช่วงอายุที่เหมาะสมสำหรับการเริ่มต้นวัคซีนสำหรับแมว คือช่วงที่ลูกแมวมีระดับภูมิคุ้มกันจากแม่ลดต่ำลงจนระดับภูมิคุ้มกันเดิมในร่างกายไม่สามารถไปรบกวนการทำงานของวัคซีน โดยจะเริ่มฉีดวัคซีนที่อายุตั้งแต่ 2 เดือน เป็นต้นไป
จากเหตุผลดังกล่าว วัคซีนจึงมีความสำคัญมากในการป้องกันโรค ดังนั้น เจ้าของควรเอาใจใส่และพาลูกแมวไปทำวัคซีนเมื่อครบกำหนดนะคะ
Post a comment